1. จัดเตรียมเอกสารทางการเงินให้ครบถ้วน
เอกสารถือเป็นด่านแรกที่สถาบันการเงินใช้พิจารณา หากผู้รับเหมาส่งเอกสารไม่ครบ โอกาสถูกปฏิเสธสูงมาก ดังนั้นควรเตรียมเอกสารหลัก ๆ เช่น:
- งบการเงินย้อนหลัง 612 เดือน
- สำเนาสัญญารับเหมาล่าสุด
- ทะเบียนการค้า หรือหนังสือรับรองบริษัท
- เอกสารการเสียภาษีเงินได้
- เอกสารแสดงทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกัน (ถ้ามี)
หากไม่มั่นใจว่าเอกสารครบถ้วนหรือไม่ สามารถขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เช่นที่ BKL Money ที่พร้อมช่วยตรวจสอบและแนะนำให้ฟรี
2. สร้างประวัติทางการเงินที่ดี
สถาบันการเงินจะตรวจสอบประวัติการชำระหนี้ย้อนหลัง หากผู้รับเหมามีหนี้ค้างชำระ หรือชำระล่าช้าเกินกำหนด จะทำให้ความน่าเชื่อถือลดลง ดังนั้นควรรักษาวินัยทางการเงิน เช่น:
- ชำระหนี้ตรงเวลา
- ไม่ใช้วงเงินเกินกว่าที่จำเป็น
- ลดหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
การมีเครดิตทางการเงินที่ดีจะเพิ่มความมั่นใจให้สถาบันการเงินและช่วยให้การอนุมัติเป็นไปได้ง่ายขึ้น
3. วางแผนการเงินและโครงการให้ชัดเจน
ผู้รับเหมาที่สามารถแสดงให้เห็นว่าโครงการมีแผนการเงินที่รอบคอบ จะทำให้สถาบันการเงินมั่นใจมากขึ้น เทคนิคสำคัญคือ:
- จัดทำ Cash Flow ของโครงการ
- ระบุแหล่งรายได้ที่ชัดเจน
- มีแผนสำรองกรณีโครงการล่าช้าหรือรายได้ไม่เป็นไปตามคาด
เอกสารเหล่านี้ช่วยพิสูจน์ว่าผู้รับเหมามีความสามารถในการบริหารเงินกู้ และจะชำระคืนได้ตามกำหนด
4. เลือกสถาบันการเงินที่เหมาะสม
การยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารหรือสถาบันการเงินทั่วไปอาจไม่ตอบโจทย์เสมอไป โดยเฉพาะผู้รับเหมาที่เพิ่งเริ่มต้นหรือขาดหลักประกัน ดังนั้นควรเลือกสถาบันการเงินที่เข้าใจธุรกิจรับเหมาโดยตรง เช่น BKL Money ที่มีบริการเฉพาะทางและเข้าใจความต้องการของผู้รับเหมา
5. ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันอย่างชาญฉลาด
แม้ว่าบางสินเชื่อไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่การมีทรัพย์สินค้ำประกันจะช่วยให้ได้วงเงินสูงขึ้นและดอกเบี้ยถูกลง เช่น ที่ดิน อาคาร หรือรถยนต์ที่ปลอดภาระหนี้ การใช้หลักทรัพย์อย่างเหมาะสมถือเป็นเทคนิคที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้ผู้กู้
6. แสดงความสามารถในการทำกำไร
การแสดงให้เห็นว่าธุรกิจรับเหมามีกำไรอย่างต่อเนื่อง จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่สถาบันการเงิน ควรจัดทำรายงานการเงินที่ชัดเจน พร้อมหลักฐานสัญญาว่าจ้างในอนาคต เพื่อพิสูจน์ว่าธุรกิจมีศักยภาพจริง
7. ใช้บริการที่ปรึกษาทางการเงิน
ผู้รับเหมาหลายรายมักพลาดโอกาสเพราะไม่รู้วิธีนำเสนอข้อมูลต่อสถาบันการเงิน การใช้บริการที่ปรึกษา เช่นทีมงานของ BKL Money จะช่วยให้การเตรียมเอกสารและการเจรจาง่ายขึ้น และเพิ่มโอกาสได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว
8. รักษาความน่าเชื่อถือในอุตสาหกรรม
ชื่อเสียงของผู้รับเหมาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สถาบันการเงินพิจารณา หากธุรกิจมีผลงานที่ดี ลูกค้าพึงพอใจ และไม่มีประวัติเสียหาย จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและทำให้การอนุมัติง่ายขึ้น
สรุป
การขอสินเชื่อผู้รับเหมาไม่ใช่เรื่องยาก หากผู้ประกอบการรู้จักเตรียมความพร้อมอย่างถูกวิธี ตั้งแต่การจัดเอกสาร การสร้างเครดิตทางการเงิน การวางแผนโครงการ ไปจนถึงการเลือกสถาบันการเงินที่เข้าใจธุรกิจของคุณ การนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้จะช่วยให้โอกาสอนุมัติสูงขึ้น ได้วงเงินมากขึ้น และดอกเบี้ยที่คุ้มค่ากว่า
หากคุณต้องการขอคำปรึกษาฟรีเกี่ยวกับการขอสินเชื่อผู้รับเหมา คลิกที่นี่เลย

