กรณีศึกษาและแนวทางบริหารความเสี่ยงด้านการเงินในธุรกิจโลจิสติกส์

Last updated: 13 ต.ค. 2568  |  32 จำนวนผู้เข้าชม  | 

กรณีศึกษาและแนวทางบริหารความเสี่ยงด้านการเงินในธุรกิจโลจิสติกส์

บทที่ 6: กรณีศึกษาและแนวทางบริหารความเสี่ยงด้านการเงินในธุรกิจโลจิสติกส์ | BKL Money

บทที่ 6: กรณีศึกษาและแนวทางบริหารความเสี่ยงด้านการเงินในธุรกิจโลจิสติกส์

ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ การบริหารจัดการด้านการเงินถือเป็น หัวใจสำคัญ ของความมั่นคงและความต่อเนื่องของธุรกิจ เพราะแม้ว่าธุรกิจจะมีรายได้สูง แต่หากขาดการวางแผนทางการเงินที่ดี ก็อาจเกิดภาวะขาดสภาพคล่องได้ง่าย บทนี้เราจะมาดูกรณีศึกษาจริงจากผู้ประกอบการโลจิสติกส์ และแนวทางในการจัดการความเสี่ยงทางการเงิน ที่สามารถช่วยให้ธุรกิจขนส่งอยู่รอดและเติบโตอย่างมั่นคงได้

กรณีศึกษา: ธุรกิจขนส่งสินค้าขนาดกลางในกรุงเทพฯ

บริษัท ขนส่งไทยทรานส์ จำกัด เป็นธุรกิจโลจิสติกส์ที่มีรถบรรทุกขนาดกลาง 10 คัน ให้บริการขนส่งสินค้าให้กับลูกค้ารายใหญ่หลายรายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปัญหาหลักที่บริษัทพบเจอคือ ต้นทุนค่าน้ำมันและค่าซ่อมบำรุง ที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่รายได้จากลูกค้าบางรายมีการชำระล่าช้า ทำให้เกิดปัญหากระแสเงินสดติดขัด

บริษัทจึงตัดสินใจยื่นขอ สินเชื่อโลจิสติกส์กับ BKL Money เพื่อเสริมสภาพคล่องระยะสั้น วงเงินที่ได้รับคือ 1.5 ล้านบาท โดยใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับจ่ายค่าน้ำมัน และค่าจ้างพนักงานขับรถ ผลลัพธ์คือธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อเนื่องโดยไม่สะดุด และยังมีเงินทุนสำรองเพื่อลงทุนเพิ่มรถขนส่งอีก 2 คันในระยะถัดไป

บทเรียนจากกรณีศึกษา

  • การบริหารเงินสดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในธุรกิจโลจิสติกส์
  • ไม่ควรพึ่งพาลูกค้ารายใหญ่รายเดียว เพราะหากชำระเงินล่าช้าอาจส่งผลกระทบทั้งระบบ
  • ควรวางแผนสำรองเงินทุนล่วงหน้า เพื่อป้องกันปัญหาขาดสภาพคล่อง
  • การมีแหล่งสินเชื่อที่เข้าใจธุรกิจ เช่น BKL Money ช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินได้มาก

แนวทางบริหารความเสี่ยงด้านการเงินในธุรกิจโลจิสติกส์

1. แยกบัญชีธุรกิจและบัญชีส่วนตัว

เจ้าของกิจการจำนวนมากยังใช้บัญชีเดียวกันในการรับจ่ายเงิน ซึ่งอาจทำให้ไม่เห็นภาพที่แท้จริงของผลประกอบการ ควรแยกบัญชีอย่างชัดเจน เพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ต้นทุนและวางแผนการเงิน

2. สร้างงบกระแสเงินสดรายเดือน

ธุรกิจโลจิสติกส์มีค่าใช้จ่ายประจำ เช่น น้ำมัน, ค่าซ่อมบำรุง, ค่าแรง และภาษี การจัดทำงบกระแสเงินสดรายเดือนจะช่วยให้รู้ว่าช่วงใดจะมีรายรับหรือรายจ่ายสูง และช่วยให้เตรียมรับมือได้ล่วงหน้า

3. วางแผนสำรองฉุกเฉิน

เหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น รถเสีย, อุบัติเหตุ หรือสภาพอากาศที่ทำให้ส่งของล่าช้า อาจทำให้รายได้หายไปชั่วคราว ควรมีเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 2-3 เดือนของค่าใช้จ่ายประจำ เพื่อให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้

4. ใช้สินเชื่อเป็นเครื่องมือบริหารเงินสด ไม่ใช่ภาระ

การกู้สินเชื่อไม่ใช่เรื่องเสียหาย หากใช้ถูกวิธี สินเชื่อสามารถเป็น ตัวช่วยเสริมสภาพคล่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องขยายกิจการ หรือรับงานเพิ่ม BKL Money มีสินเชื่อโลจิสติกส์ที่ออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์นี้โดยเฉพาะ

5. ติดตามต้นทุนอย่างใกล้ชิด

ต้นทุนหลักของธุรกิจโลจิสติกส์ เช่น น้ำมันและค่าแรง มีความผันผวนสูง เจ้าของกิจการควรมีระบบบันทึกต้นทุนที่ละเอียด เพื่อดูแนวโน้มและปรับกลยุทธ์ได้ทันเวลา

คำแนะนำจาก BKL Money

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อของ BKL Money แนะนำให้ผู้ประกอบการวางแผนการใช้เงินกู้ในลักษณะ เงินหมุน มากกว่า เงินใช้จ่ายจบ เช่น การใช้สินเชื่อเพื่อเพิ่มรายได้หรือขยายโอกาสทางธุรกิจ แทนการใช้เพื่อจ่ายหนี้สินเก่าเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้เงินทุนมีประสิทธิภาพมากกว่า

สรุป

การบริหารความเสี่ยงด้านการเงินในธุรกิจโลจิสติกส์ ไม่ได้หมายถึงการหลีกเลี่ยงการใช้เงิน แต่คือการวางแผนและใช้เครื่องมือทางการเงินให้เหมาะสม การมีพันธมิตรทางการเงินที่เข้าใจธุรกิจ เช่น BKL Money จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น และต่อยอดธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว

สนใจขอสินเชื่อโลจิสติกส์กับ BKL Money

BKL Money พร้อมเป็นคู่คิดทางการเงินของผู้ประกอบการโลจิสติกส์ทุกระดับ เพื่อให้คุณมั่นใจว่าธุรกิจของคุณจะไม่สะดุด แม้ในวันที่ตลาดเปลี่ยนแปลง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้